วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บทความ ชีวิตยังมี...ทิศตะวันออก





ชีวิตยังมี...ทิศตะวันออก


บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้นซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์...ให้เสียใจ และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ

ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน "ไม่ใช่ความจริง" ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว
รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ
ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด เพราะ "เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น"
เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้...ไปไม่เป็น...เหมือนจะมองเห็นทาง แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น

ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน
แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต..."ยังคงมีชีวิต" แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโต งอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง

เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้
อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ


อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวันก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก

"ชีวิตเราจึงมีทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก"

แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ ก็จงเศร้าให้ถึงที่สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ หากยังร้องไห้ ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง
และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดีต เป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ...

"ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร แต่ข้อดีของมันคือ...สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก
เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก"

ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิต เพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน
มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน

ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้า
จะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า…เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น


..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...


****กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้ แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Happy@แบคทีเรีย
















บทความเกี่ยวกับความรัก











บทความเกี่ยวกับความรัก

1.รักแท้อยู่ที่ไหน


สายลมอ่อนๆพัดปอยผมสีขาวของคุณยายผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกหวายโบราณ แว่นสายตาของเธอร่นมาอยู่ตรงปลายจมูก ขณะที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับงานเย็บปักถักร้อย ข้างตัวเธอมีหลานสาววัยรุ่นผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วย เธอประดุจดอกไม้ที่เพิ่งจะแรกแย้ม ทันใดนั้นเธอก็โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า ”คุยยายคะ ทำไมเราจึงหา’รักแท้’ ได้ยากเย็นนักคะ” หญิงชราผู้มีดวงหน้าอารีผู้นี้เงยหน้าขึ้นมาจากงานเย็บปัก ลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่ สักครู่หนึ่งเด็กสาวกระเถิบเข้าไปใกล้พร้อมกับนอนหนุนตักคุณยาย ”ฟังนะ ยายจะเล่าอะไรให้หนูฟัง... เมื่อหลายศตวรรษก่อน ขณะที่โลกเรายังอ่อนวัยกว่านี้ รักแท้ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง มนุษย์สามารถเป็นเจ้าของมันได้ด้วยการเรียกหา จึงมองไม่เห็นคุณค่าของรักแท้ เมื่อเป็นดังนี้พระผู้เป็นเจ้าจึงตัดสินใจที่จะเก็บรักแท้เอาไว้” คุณยายหันมาส่งยิ้มและลูบผมนุ่มๆของหลานสาวอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวต่อไปว่า... ”พระผู้เป็นเจ้าขอให้นางฟ้าสองตนช่วยเก็บรักษารักแท้ แรกทีเดียวนางฟ้าได้ฝังรักแท้ไว้ในดิน แต่มนุษย์ก็ขุดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ต่อมาพวกเธอจึงนำรักแท้ไปเก็บไว้บนภูเขาที่สูงที่สุด แต่ผู้คนก็พากันปีนป่ายไปจนถึงยอดเขานั้น... นางฟ้าจึงนำไปไว้ได้ท้องทะเลลึก แต่มนุษย์ก็ยังดำดิ่งสู่ก้นทะเลแล้วนำรักแท้กลับคืนมาอีกจนได้” ”คุณยายคะ... รักแท้ก็ยังหากันได้ง่ายๆอยู่ดีนี่คะ” หลานสาววิพากษ์ “...เพราะมนุษย์ก็จะขุด ปีน และว่ายน้ำ...” ”ในที่สุดนางฟ้าจึงตกลงใจที่จะเก็บรักแท้ไว้ในหัวใจมนุษย์... นับจากนั้นผู้คนต่างก็มีปัญหาในการติดตามหารักแท้... เพราะว่าพวกเขาจะพากันมองหามันในทุกหนทุกแห่ง ยกเว้นที่เดียว... ที่ซึ่งควรจะเก็บมันไว้ นั่นคือ ...ตรงหัวใจ” คุณยายกล่าวในที่สุด



2.สิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับความรัก


1. คนที่ใช่ ไม่ได้มีเพียงคนเดียวถ้าคุณคิดว่าคุณทำคู่แท้หลุดมือไปแล้วล่ะก็ อย่าเสียใจไปเลย โลกนี้เต็มไปด้วยผู้ชายที่มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ใช่เยอะแยะ "เหตุผลที่ผู้หญิงมากมายทุกข์ใจจากการเดทก็เพราะพวกเธอเชื่อว่าโลกนี้มีผู้ชายแค่คนเดียวที่ถูกสร้างมาเพื่อเธอ" แต่นั่นไม่จริงหรอก ถึงเราจะกำหนดสเป็คและคาดหวังว่าเราต้องการอะไรและผู้ชายแบบไหน แต่ถ้ามีใครสักคนผ่านเข้ามาที่ใกล้เคียงกับมาตรฐาน กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่เราวางไว้ก็จะกระเด็นออกนอกหน้าต่างไปเอง



2. รักแรกพบมีจริงมันเป็นไปได้ที่เราจะรักใครซักคนที่เพิ่งเจอแค่แป๊ปเดียว "ทางชีวภาพสัตว์ต้องหาคู่ให้ได้ก่อนฤดูผสมพันธุ์สิ้นสุด ก็เลยต้องถูกตาต้องใจกันอย่างเร็ว" ในเมื่อสมองเราก็ส่งสารแบบนั้น เราก็เลยสามารถตอบโต้ตัวกระตุ้นอย่างความชอบ ภาษากายและความเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว



3. อยู่ห่างๆ กันบ้างก็ดีในขณะที่คุณกำลังคลั่งรักหัวปักหัวปำ สิ่งที่คุณอยากทำก็คืออยากเอาอกเอาใจเขา และอยากเกาะติดเขาแจได้ทั้งวันทั้งคืน "การอยู่ห่างกันทำให้สารเคมีแห่งความรักอย่างโดพามีนและนอเรฟฟินเนฟฟิลในสมองเพิ่มผลผลิต"ดังนั้น ไม่เป็นไรหรอกที่จะไม่นัดเจอเขาคืนวันอังคาร ถ้าคุณจะต้องเจอเขาวันพุธ มองแบบนี้ซิ มันจะทำให้การพบกันตอนสุดสัปดาห์ของคุณเร่าร้อนกว่าเดิม



4. ความรักไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ความรักกระตุ้นสมองส่วนที่สัมพันธ์กับการจดจ่อไปที่แรงจูงใจ และแรงผลักดันเพื่อจะชนะรางวัล เช่นอาหารหรือเซ็กซ์ ซึ่งตรงข้ามกับสมองส่วนความรู้สึก เช่นความสุขหรือความเศร้า ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าทำไมเราถึงว้าวุ่นใจเป็นพิเศษสำหรับคนที่ทำให้ชีพจรเราเต้นรัว



5. ความรักเป็นสิ่งเสพติดเมื่อเราดูรูปคนรักเก่า ส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเสพติดแอคทีฟเป็นพิเศษเลย โดพามีนถูกหลั่งออกมา แล้วเราก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มจิตใจหวั่นไหวล่องลอยอย่างแรงเหมือนใช้ยาเสพติดเลย นั่นคือสาเหตุที่เราโหยหาหวานใจเราไง



6. ผู้ชายรักง่ายกว่าผู้หญิงเรามีแนวโน้มจะคิดว่าผู้หญิงรีบร้อนที่จะมีรัก แต่ความจริงผู้ชายเป็นอย่างนั้นมากกว่า "สมองผู้ชายติดตั้งสัญญาณเกี่ยวกับการมองเห็นมากกว่า" ดังนั้น เมื่อหนุ่มเห็นสาวที่ทำให้เครื่องเขาติด ก็จะมีแรงไปกระตุ้นสมองส่วนพิเศษที่มีเฉพาะในเพศชาย



3.ความสุขของการได้รัก


ความจริงก็คือ ในขณะที่เรากำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลาเค้าคนนั้นอาจกำลังคิดถึงใครคนอื่นอยู่ก็เป็นได้และบางครั้งก็อาจมีใครบางคนที่คิดถึงเราอยู่โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกันบางครั้งการได้ฝันไปคนเดียวมันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า…“สิ่งที่เราคิดทั้งหมดมันคือความฝันของเราเพียงคนเดียว”ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมอยู่กับความฝันมากกว่าการได้รู้ความจริงการไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจเค้าไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเราอาจได้เป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าได้เป็นที่ 3 หรือที่ 4…และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า…ก็ขอให้คิดไว้ว่ายังดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย…มันอาจต้องมีน้ำตาบ้าง ในการยอมรับความจริงว่าเราไม่ใช่ที่ 1…แต่โปรดจำไว้เถอะว่าหากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ พร้อมพูดกับตัวเองว่า…“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ฉันจะอ่อนล้าไปมากกว่านี้”ก็จงชอบต่อไปเถอะ การรักใครสักคนไม่ต้องการความพยายาม…การตัดใจต่างหากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายลองชั่งน้ำหนักในใจคุณดูสิว่า“ความสุขยามที่ได้สบตาเค้า” กับ “ความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า”อันไหนมันหนักหนากว่ากันอย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป…อย่าโทษเค้า ที่ไม่มีใจให้…อย่าโทษโชคชะตา ที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน…แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง ที่อย่างน้อย ถึงจะพบเค้าคนนั้นสายเกินไปแต่ก็ยังได้พบ…ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา แต่ก็ยังได้รับหัวใจเราไป…ยิ้มให้กับโชคชะตา ที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้เรารักกันแต่ก็ยังทำให้เราได้รู้จักกัน…คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ครั้งหนึ่ง…คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียวคนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง…คนที่ทำให้คุณหัวเราะและร้องไห้ได้มากมาย…คนที่ยิ้มของเค้าเปลี่ยนวันที่หมองหม่นของคุณให้กลายเป็นวันที่สดใสเท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?แค่การได้เห็นคนที่เรารักได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนคนที่เค้ารักมากที่สุด…นั้นแหละคือ…ความสุขของการได้รัก…อย่างจริงใจ...



4.ก่อนจะเลิกรักใครสักคน ... ถามใจตัวเองให้ดี


ความรักกับอารมณ์ เหมือนซ้ายและขวาถ้าคิดจะรัก ต้องมีสติ คิดไตร่ตรองเพราะความรักมีสองฟากถ้ามีสิ่งดีๆ อีกฟากหนึ่งมักมีสิ่งร้ายๆ เสมออย่าเอาอารมณ์มาตัดสินความรักเพราะความรักมักสวนทางกับอารมณ์ สำหรับคนที่มีอารมณ์เหนือความรักมักจะทำให้ "รัก" กลาย เป็นบ่อเกิด แห่งการร้างลาพอพายุผ่านไปแล้ว. ถึงจะรู้สึกว่าศูนย์เสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อย่าปล่อยให้ อารมณ์ลิขิตความรัก ลองทบทวนสิ่งดีๆ ที่เคยทำร่วมกันและถ้ายังรู้สึกดีๆ ที่จะรักอยู่ ก็จงอย่าริที่จะเลิกรักแต่สำหรับบางคนลองตั้งคำถาม กับตัวเองมาหลายครั้งทบทวนเรื่องราวมาหลายครา ก็ยังหาความรู้ดีๆ ของคนรักไม่เจอหากเป็นเช่นนี้ ก็จง "เลิกรัก" เถิด แต่ขอให้เลิกแบบ มีความรู้สึกดีๆ ให้กันเผื่อสักวันจะกลับมา รักกันอีก




5.อกหัก.. วัคซีนใจ


เรามักจะพูดสอนว่าเรื่องรักเรื่องเล็ก เรื่องเรียนน่ะเรื่องใหญ่ แต่ในความเป็นจริง เรื่องเรียนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องใจสิสำคัญ วัยรุ่นอกหักเรื่องขำๆในสายตาผู้ใหญ่ ทั้งๆที่เราแทบใจสลาย ร้อนรนทนไม่ได้ เมื่อเห็นเขาหรือเธอคนนั้นกำลังนอกใจ มีใหม่เอาเถอะน่า.. เธอต้องเข้าใจสิว่า ถ้าคิดจะรัก ครึ่งหนึ่งคือความเสี่ยงที่จะต้องอกหัก และอีกครึ่งหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่จะมีรัก มีความสุข ในเมื่ออยากจะรักก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะต้องลุ้น และถ้าเสี่ยงแล้วเราเป็นพวกครึ่งแรก คือนอนกินแห้วกระป๋อง ว่าแต่จะทำอย่างไร ให้กินแห้วได้แบบไม่บอบช้ำจนเกินไป..เสียใจ..แต่อย่าให้เสียคนเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย ฟ้องแม่ คุยกับเพื่อนจนสายไหม้ หรือนอนคุยกะหมา น้ำตาไหลพรากๆก็ทำไปถ้ามันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ความเสียใจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เธอต้องรู้จักควบคุม รู้จักความพอดี อย่าให้มันไปทั้งหมดของชีวิต บางคนอกหักถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ทำร้ายครอบครัว ทำร้ายเพื่อนและคนที่รัก เพียงเพื่อคนแปลกหน้าที่เขาเคยรักเรา และตอนนี้เขาไม่รักแล้วการเสียใจ ทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยเราก็มีหัวใจไว้รักไว้เจ็บ ยังเก็บความทุกข์ความสุขได้เหมือนคนอื่น แต่เธอก็ต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย คือเสียใจแต่อย่าให้เสียคน เจ็บแค่ใจอย่าให้ส่วนอื่นเจ็บด้วย..มีสติ รู้จักแยกอารมณ์การแบ่งแยกอารมณ์เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในช่วงภาวะสับสนของคนอกหัก จะเป็นประมาณว่า นั่งเรียนอยู่ก็น้ำตาไหล กลับบ้านก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ข้าวปลาไม่กิน เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง หลับตาก็นึกถึงแต่เรื่องเขา ถ้าเป็นแบบนี้แปลว่าเธอสับสนทางอารมณ์อย่างหนัก ไม่ควรอยู่คนเดียว บางทีเราควรมีที่ปรึกษาเพื่อแบ่งเบาปัญหาบ้างเวลาที่เธออกหัก หรือเพื่อนอกหัก ควรปรึกษาพูดคุยกันบ้าง ไม่ต้องอาย เพราะเพื่อนจะมีคำแนะนำและคำปลอบใจเด็ดๆให้เธออย่างเช่น แหม อกหักเรื่องเล็ก..อกเล็กน่ะเรื่องใหญ่!~เขาเป็นแค่คนผ่านมา..แล้วผ่านไปคิดเสียว่าคนที่ทำให้เราช้ำเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านมา เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เขาไม่มีค่าพอที่จะเป็นเพื่อนสนิท ที่จะคบเราไปจนแก่ เขาไม่มีค่าพอที่จะเป็นคนรักที่จะดูแลชีวิตกันตลอดไป เขาเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านมาให้เราได้เย็นสบายแป๊บเดียว แล้วก็พัดผ่านไป ให้ความเย็นกับคนอื่นอีกตลอดชีวิตคนเราที่ต้องเติบโตต่อไป เราต้องเจอคนประเภทผ่านมาแล้วผ่านไปอีกมากมาย ทั้งเพื่อน คนรัก หรือใครก็ตาม ในวันหนึ่งคนเหล่านี้ก็จะเป็นเพียงความทรงจำเก่าๆที่ไม่ทำให้เรารู้สึกอะไรเลยโชคดีที่อกหัก..สิ่งที่มีมากกว่าคำว่าเสียใจจะว่าไปแล้วประสบการณ์รักเป็นพิษในช่วงวัยรุ่นนี่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเหมือนกันนะ เพราะมันเป็นสะพานอีกขั้นให้เธอก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ให้เธอได้ใช้ชีวิตในอีกระดับหนึ่ง มองความรักได้อีกแบบหนึ่ง ตรงนี้เป็นกำไรชีวิต ที่วันหนึ่งเธอจะหันไปขอบคุณเขา เจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เราเจ็บน่ะ กำไรที่เหลืออยู่จากรักเป็นพิษก็คือ...ได้เรียนรู้ว่ารักเป็นอย่างไรถ้าไม่สุขจนล้านมาซะก่อนแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ็บเจียนตาย นอนน้ำตาไหลพรากๆน่ะมันทุกข์แค่ไหน ถ้าเธอเจ็บมากแค่ไหน ก็จงรู้ไว้ว่าเธอรักเขามากแค่นั้น ต่อไปจะรักใครจะคบใครอีก จะได้รู้ว่า ถ้าต้องอกหักอยากเจ็บแค่ไหนให้พอดี เธอก็จะรักเขาแค่นั้น แค่พอดี คราวนี้รับรองไม่มีเจ็บเท่าครั้งแรกถ้ารักแล้วจะต้องอกหัก แต่ความรักที่เคยได้มาก็ทำให้สุขล้นคุ้มค่าน้ำตาที่เสียไปไม่ใช่เหรอ ถ้าใครอยากจะรัก ก็อย่ารีรอ เพราะอกหักอย่างมีสติก็ใช่ว่าจะมไม่มีประโยชน์เลย






ประวัติปีศาจแดงแมนยู





พอนึกถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลแนวหน้าของยุโรปทีไร เหล่า Red Army ทุกคน ก็นึกย้อนไปถึงในอดีตในปี 1902 แต่ก่อนหน้านี้ ทีมขวัญใจของเราไม่ได้ชื่อนี้ พวกเขาถือกำเนิดด้วยชื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานเกินกว่า 100 ปี ในปี ค.ศ.1878 พนักงานการรถไฟสายแลงคาเซี้ยร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่นั้น พวกเขา ได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลกันขึ้นมา และตะเวณเล่นกันอยู่ในแถบเมือง นอร์ธกราวด์ ซึ่งอยู่ใน นิวตัน ฮีธ สถานที่ซ้อมก็ใช้รางรถไฟ เป็นเส้นแบ่งเขตสนาม ตลอดจนเสียง และควันจากรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ทีมฟุตบอล นิวตัน ฮีธที่พวกเขา ตั้งขึ้นมาก็เล่น ฟุตบอล กัน ได้อย่างดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยชุดแข่งที่ใช้เสื้อสีเขียว-เหลือง อย่างละครึ่ง กางเกงสีดำเป็นชุดเก่ง พนักงานที่อยู่ในแถบนั้น แพ้นิวตัน ฮีธ กระจุย ในปี 1885 สมาชิกในทีมได้ตัดสินใจติดต่อกับการรถไฟ และก่อตั้งทีมเพื่อเป็น บริษัท จำกัด โดยใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ ฟุตบอลคลับ ผลงานชิ้นแรกของเขาคือการคว้าแชมป์ แมนเชสเตอร์ คัพมาครอง นั้นคือถ้วยแรกของทีม นิวตัน ฮีธ ต่อมาอีกสามปีฟุตบอลลีคของอังกฤษ ได้ก่อตั้งกันขึ้นมา ทีมรอบๆเมือง โบลตัน กับแอคคริงตันถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน ยกเว้นนิวตัน ฮีธ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังมีอีกหลายทีมที่ไม่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกในตอนแรก พวกเขาก่อตั้งลีคกันเองโดยใช้ชื่อว่า อัลไลแอนช์ โดยมีเชฟฟิลด์ เว้นท์เดย์,นอสติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สมอลล์ ฮีธ ซึ่งใน ปัจจุบันก็คือทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ นั่นเอง การแข่งขันในฤดูกาลแรกของพวกเขาได้อันดับ 8 จาก 12 ทีม ปีต่อมาได้อันดับ 9 ในปี 1891 พวกเขาได้ รองแชมป์ในปี ีต่อจากนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามปีต่อมาฟุตบอลลีค มีการแก้ไขเรื่องสมาชิกใหม่ พวกเขาตอบรับการ เข้าร่วม ในลีค การแข่งขันของทีม นิวตันฮีธ เปิดฤดูกาลใหม่พวกเขาแพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 จากนั้นทีกก็ล่วงไม่เป็นท่า โดยชนะแค่ 6 ครั้งใน 30 นัด ตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง ก่อนที่จะรอดการตกชั้นเพราะว่า พวกเขาชนะ สมอลล์ ฮีธ 5-2 ที่บรามอลล์เลน ปีต่อมา พวกเขาเล่นแย่เหมือนเดิม กลายเป็นทีม ที่อยู่ในอันดับบ๊วยของตาราง และก็โดน ลิเวอร์พูลถล่มเอาชนะไป2-0ทำให้ นิวตัน ฮีธ ตกชั้นไปในที่สุด ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา แม้จะมีการยุบลีคและตั้งใหม่ แต่ทีมก็มีปัญหาใน การ เข้าร่วม เนื่องจากสถานะทางการเงินไม่เอื้ออำนวย ก่อนที่จะล้มละลาย ในปี 1902 จอห์น เดวี่ส์ เจ้าของกิจการเบียร์ท้องถิ่น เข้ามาดูแลกิจการของสดมสร พวกเขาย้ายมาจาก นอร์ธ โร้ด เพื่อไป ใช้สนามใหม่แถบ แบงค์ สตรีท หลังจากที่ อยู่ที่นอร์ธ โร้ด มา 9 ปีเต็ม ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านคู่แข่งขันอย่าง อาร์คลิค เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ประธานสโมสรคนแรกของ นิวตัน ฮีธ บอกว่าทีมของเขาสมควรที่จะใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากกว่า แต่ถึงอย่างไรทีมก็ช้าไป พวกเขาเลยตั้งชื่อกันมา มากมายหลายชื่อ เช่น แมนเชสเตอร์ เซนทรัล,แมนเชสเตอร์ เซลติก, สองชื่อนี้ถูกปฏิเสธ ในที่สุดชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเข้ามาแทนที่ 26 เมษายน 1902 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือชื่ออย่างเป็นทางการของพวกเขา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โ ดยผู้จัดการทีมคนแรกคือ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ แต่ทีมที่ประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพได้ในปี 1904 ทว่าในเวลาต่อมาโดยสอบสวนพบว่ามีการจำหน่ายตั๋วผี ก็เลยทำให้ เมืองแมนเชสเตอร์ โดนแบน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล 1 ปี พอพ้นกำหนดโทษห้ามเล่น บิลลี่ เมเรดิธ นักเตะชาวเวลส์ กลายเป็นสมาชิกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ปีเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง และเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่ง ภายในระยะเวลาสองปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติยิง 82 ประตู คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง อย่างยื่งใหญ่ ในปี 1908 ด้วยสไตล์การเล่น ที่รู้กันอยู่ว่า "เร็วและสวยงาม" อย่างไรก็ตาม จอห์น เดวี่ร์ ประธานสโมสร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสนามเหย้าของทีม อีกครั้ง เขาตัดสินใจ ย้ายจากแบงค์ สตรีท ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า พื้นสนามนั้นแย่มาก เขาย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ .แทร็ฟฟอร์ด พาร์ค ย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์ และเดวีร์เรียก สนามนัดเหย้า ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแห่งนี้ว่า ...โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

วาสนาของความรักที่ไม่สมหวัง


มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา! เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้นมองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่าเป็นศพ ด้วยใจสงสารจึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด ^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง , ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่ ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^

ประวัติส่วนตัว


ประวัติส่วนตัว


ชื่อนายจักรี สุนารักษ์


ชื่อเล่น โบว์กี้


ที่อยู่ 335 หมู่ 15 ตำบล นาขาม


อำเภอ กุฉินารายณ์ จังหวัด กาฬสินธุ์ 46110


ปัจจุบันกำลังศึกษา


อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คณะวิทยาลัยการเมืองการปกครอง

ชั่นปีที่ 4


สีที่ชอบ

ดำ ขาว แดง


อาหารที่ชอบ

ส้มตำ กระเพราหมูสั่บไข่ดาว


ทีมฟุตบอลที่ชอบ

manchester united


คติประจำใจ

ไม่มีใครมาลิขิตชีวิตเราได้นอกจากตัวเราเอง